ขณะที่ประเทศพม่ายังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น, สถานการณ์ในพม่าหลังจากการรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ได้กลายเป็นหัวข้อที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดทั่วโลก.
การจับกุมผู้นำทางการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย, รวมถึงอองซานซูจี, และการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลาหนึ่งปี, ได้นำไปสู่การประณามจากประเทศต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศ. รวมถึงการขู่ว่าจะมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรใหม่จากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกา, และการประณามจากสหประชาชาติและสหราชอาณาจักร.
การตอบสนองของประชาชนในพม่าต่อการรัฐประหารนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะกลับสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย. ได้มีการจัดตั้งกลุ่มต่อต้านที่เรียกว่า National Unity Consultative Council ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์, กลุ่มการเมือง, องค์กรประชาสังคม, และกลุ่มต่อต้าน เพื่อส่งเสริมการกลับสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย.
แม้ว่าทางการทหารจะมีความได้เปรียบทางอาวุธและกำลังพล, แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถปราบปรามการต่อต้านได้สำเร็จ. ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา, ทหารได้ถูกขับไล่ออกจากรัฐฉานทางเหนือ, และกำลังสูญเสียดินแดนในรัฐยะไข่ทางตะวันตก. นอกจากนี้ยังมีการโจมตีที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ด้วย.
สถานการณ์ในพม่าได้กลายเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยที่ยังคงดำเนินต่อไปในหลายประเทศทั่วโลก. และเป็นการเตือนใจถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากชุมชนระหว่างประเทศในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนและการปกครองที่เป็นธรรม.