ไลออนเดลบาเซล จับมือ เอเอเว แสดงเจตจำนงร่วมกันคัดแยกขยะ


ไลออนเดลบาเซล จับมือ เอเอเว ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกันคัดแยกขยะด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

ไลออนเดลบาเซล (LyondellBasell) ผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และ เอเอเว เอเนอร์จี ฟรอม เวสต์ (EEW Energy from Waste) บริษัทผลิตพลังงานจากขยะชั้นนำในยุโรป ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) เพื่อร่วมกันสำรวจความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวด้านการคัดแยกและรีไซเคิลพลาสติกจากขยะก่อนเข้ากระบวนการเผา โดยความร่วมมือครั้งนี้อาจครอบคลุมถึงการก่อสร้างโรงงานคัดแยกขยะในบริเวณโรงเผาขยะของเอเอเวหรือในบริเวณใกล้เคียง เพื่อดำเนินการคัดแยกพลาสติกออกจากขยะอื่น ๆ ที่เตรียมนำเข้าสู่กระบวนการเผา รวมถึงการลงทุนในโรงงานคัดแยกขยะขั้นสูงเพื่อทำการคัดแยกและแปรรูปพลาสติกต่อไป โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ใหม่ของไลออนเดลบาเซลในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคัดแยกขยะด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อผลิตวัตถุดิบตั้งต้นจากขยะพลาสติก พร้อมขยายธุรกิจโซลูชันหมุนเวียนและคาร์บอนต่ำ และเดินหน้าบรรลุเป้าหมายการสร้างคุณค่าขององค์กร

“การประสานงานกันตลอดห่วงโซ่คุณค่าถือเป็นส่วนหนึ่งภายใต้กลยุทธ์ของเรา และเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นมากขึ้นสำหรับการคัดแยกขยะพลาสติกจากหลาย ๆ แหล่งที่ปัจจุบันยังไม่ได้ถูกนำไปรีไซเคิล” คุณอีวอนน์ ฟาน เดอร์ ลาน (Yvonne van der Laan) รองประธานบริหารฝ่ายโซลูชันหมุนเวียนและคาร์บอนต่ำของไลออนเดลบาเซล กล่าว “วัสดุที่ได้จากโรงงานคัดแยกขยะไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนโรงงานรีไซเคิลเชิงกลที่เรามีอยู่แล้วในเนเธอร์แลนด์และหน่วยรีไซเคิลขั้นสูงในเยอรมนีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากขยะและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะที่ถูกมองว่าไร้ค่า”

ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยลดการส่งขยะพลาสติกไปเผาทำลายดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ด้วยการคัดแยกพลาสติกออกมาเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในกระบวนการรีไซเคิลเชิงกลขั้นสูง นอกจากนี้ การนำพลาสติกออกจากขยะที่เตรียมนำไปเผายังถือเป็นการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้พลาสติกอีกด้วย

คุณเบอร์นาร์ด เอ็ม. เคมเปอร์ (Bernard M. Kemper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอเอเว เอเนอร์จี ฟรอม เวสต์ กล่าวว่า “ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ เราได้สร้างสรรค์โซลูชันที่เชื่อถือได้ในการจัดการขยะพลาสติกที่ไม่ได้รับการรีไซเคิลในปัจจุบัน เอเอเวจะสร้างโรงงานคัดแยกขยะขึ้นเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะทำการคัดแยกพลาสติกออกมาเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในวัฏจักรวัตถุดิบ”

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในด้านการรีไซเคิล โดยอาศัยสถานที่และองค์ความรู้ทางเทคนิคของไลออนเดลบาเซลและเอเอเว เพื่อเปิดทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีความยั่งยืนต่อไป

เกี่ยวกับไลออนเดลบาเซล

ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ระดับโลก ไลออนเดลบาเซล (LyondellBasell) มุ่งมั่นตั้งใจในทุก ๆ วัน เพื่อก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่ปลอดภัยที่สุด ดำเนินงานอย่างดีที่สุด และมีมูลค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรม โดยผลิตภัณฑ์ วัสดุ และเทคโนโลยีของบริษัทได้ช่วยส่งเสริมความยั่งยืนในด้านความปลอดภัยทางอาหาร การเข้าถึงน้ำสะอาด การดูแลสุขภาพ และการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดกว่า 100 แห่งทั่วโลก ไลออนเดลบาเซลให้ความสำคัญกับความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง และกำลังขับเคลื่อนความดี (Advancing Good) โดยให้ความสำคัญกับโลกของเรา ชุมชนที่เราดำเนินงานอยู่ และพนักงานของเรา บริษัทภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับเทคโนโลยีระดับโลกและการให้ความสำคัญกับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังยกระดับและปฏิบัติตามเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศและการหมุนเวียน เพื่อแก้ปัญหาระดับโลกอย่างขยะพลาสติกและการปล่อยคาร์บอน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.lyondellbasell.com หรือติดตาม @LyondellBasell ทางลิงด์อิน

เอเอเว ส่วนที่ขาดไม่ได้ของเศรษฐกิจหมุนเวียน

เอเอเว เอเนอร์จี ฟรอม เวสต์ จีเอ็มบีเอช (EEW Energy from Waste GmbH) เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของยุโรปในด้านการเปลี่ยนขยะและกากตะกอนน้ำเสียให้เป็นพลังงาน เอเอเวมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสภาพภูมิอากาศและทรัพยากร อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นหลักในเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วย ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงาน 17 แห่งที่สามารถแปรรูปขยะได้ราว 5 ล้านตันต่อปี ขณะเดียวกัน พนักงานมากกว่า 1,400 คนในโรงงานของเรายังช่วยรับประกันว่าพลังงานที่ถูกกักเก็บไว้ในขยะจะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณขยะก็จะลดลง อันตรายที่เกิดจากขยะจะถูกกำจัดอย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อโลกของเรา ส่วนเศษโลหะและวัสดุผสมจะได้รับการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ยิ่งไปกว่านั้น เอเอเวยังใช้พลังงานที่มีอยู่ในขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผลิตไอน้ำมาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนสร้างความอบอุ่นให้กับประชาชนในเขตที่อยู่อาศัยต่าง ๆ และสนับสนุนระบบไฟฟ้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์แห่งอนาคต เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Climate Neutral) ภายในปี 2573 และสร้างอิทธิพลเชิงบวกต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Positive) ภายในปี 2583 โดยมาตรการสำคัญนอกเหนือจากการลดการปล่อยคาร์บอนก็คือการดักจับคาร์บอนในโรงงานของเรา คาร์บอนที่ดักจับได้จะถูกกักเก็บไว้ใต้ดินบางส่วน หรือนำไปใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่มีค่าสำหรับเคมีภัณฑ์ในระบบเศรษฐกิจที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ https://www.thaipr.net/energy/3319976



ลิงค์ที่มา