สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริกส์ (General Electric – GE) ประกาศในวันอังคารว่า จะแตกบริษัทออกเป็นบริษัทมหาชนที่มีขนาดเล็กลง 3 แห่งเพื่อลดความซับซ้อนใหญ่โตของธุรกิจ ลดปริมาณหนี้และกระตุ้นราคาหุ้นใหม่
การแตกบริษัทครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดตำนาน 129 ปีของเครืออาณาจักรธุรกิจที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในสหรัฐฯ และถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการขยายอิทธิพลทางธุรกิจของอเมริกาในยุคหนึ่ง
GE ประสบปัญหาการเงินนับตั้งแต่เกิดวิกฤติในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2008 และถูกถอดออกจากดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์เมื่อ 3 ปีก่อน เนื่องจากมูลค่าของบริษัทร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว
โดยเมื่อปีที่แล้ว รายได้ของ GE ลดลงเหลือไม่ถึง 80,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับสูงสุด คือมากกว่า 180,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี ค.ศ. 2008
6 ปีที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน GE เมื่อนายเนลสัน เพลต์ซ นักลงทุนชาวอเมริกัน ซื้อหุ้นใน GE และต้องการให้บริษัทเลิกทำธุรกิจด้านการเงินแล้วหันกลับไปเน้นอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าต่าง ๆ เหมือนในอดีต แต่ราคาหุ้นของ GE ยังคงดำดิ่งลงเรื่อย ๆ จนนำไปสู่การปลดซีอีโอ เจฟฟ์ อิมเมลท์ ในปี 2018 และถูกแทนที่ด้วยนายแลร์รี คลัพ ที่เข้ามาเดินหน้าแผนปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา GE ขายทิ้งกิจการหลายอย่างเพื่อรักษาสถานะการเงินและธุรกิจหลักของบริษัทเอาไว้
สำหรับ 3 บริษัทใหม่ที่จะแตกออกมานี้ จะมุ่งเน้นที่ 3 ส่วน คือ พลังงาน สาธารณสุข และการบิน โดยจะควบรวม GE Renewable Energy, GE Power และ GE Digital เข้ามาอยู่ในธุรกิจหลักด้านพลังงาน ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการแตกธุรกิจด้านสาธารณสุขและการบินออกมาในปี 2023 – 2024 เพื่อมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะ