หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ กล่าวในวันพุธว่า หลักฐานต่าง ๆ ล้วนชี้ให้เห็นว่าการเกิดฟองอากาศขนาดใหญ่กลางทะเลบอลติกในสัปดาห์นี้เกิดจาก “การกระทำโดยมีการวางแผนไว้ก่อน” เพื่อโจมตีท่อส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม (Nord Stream) ทั้งสองแห่ง
โจเซฟ บอร์เรลล์ ระบุในแถลงการณ์ว่า “จะสนับสนุนการสืบสวนที่มีเป้าหมายไขความกระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไม รวมทั้งจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน” และว่า “การกระทำใด ๆ ที่มีจุดประสงค์ทำลายโครงสร้างด้านพลังงานของยุโรปเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และต้องเผชิญการตอบโต้อย่างรุนแรง”
เมื่อวันอังคาร รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ได้หารือเรื่องนี้กับรัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์ก เจ็ปเป คอฟ็อด และยืนยันว่า “สหรัฐฯ ยังคงร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกับพันธมิตรและคู่ค้าเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในยุโรป”
รัฐมนตรีบลิงเคน กล่าวว่า “กำลังมีการตรวจสอบฟองอากาศและการรั่วไหลนี้ โดยรายงานเบื้องต้นชี้ว่าอาจเป็นผลจากการโจมตีหรือการก่อวินาศกรรม” และว่า “หากมีการยืนยันว่าเป็นการโจมตีจริง ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้”
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เชื่อว่า การรั่วไหลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคพลังงานของยุโรปมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมายุโรปลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียและหันไปใช้พลังงานสะอาดแทนเป็นปริมาณมาก
ส่วนทางองค์กรสิ่งแวดล้อมต่างแสดงความกังวลว่า ก๊าซธรรมชาติที่รั่วไหลออกมาอาจส่งผลรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำในบริเวณนั้น
ด้าน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่า สหรัฐฯ สนับสนุนความพยายามสืบสวนเหตุวินาศกรรมครั้งนี้อย่างเต็มที่
นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า การรั่วไหลครั้งนี้คือการส่งสัญญาณว่า รัสเซียกำลังจะเปิดแนวรบด้านใหม่ คือสงครามพลังงานกับทางยุโรป ขณะที่ มีไคโล โพโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า การรั่วไหลดังกล่าวเป็นผลมาจาก “การโจมตีของผู้ก่อการร้าย” และ “การกระทำที่ก้าวร้าว” ต่อสหภาพยุโรป
ขณะเดียวกัน ในโลกออนไลน์ มีการเผยแพร่วิดีโอของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่า ท่อนอร์ดสตรีม 2 “จะถึงจุดจบ” หากรัสเซียบุกรุกยูเครน
- ที่มา: วีโอเอ