อีลอน มัสก์ เผย “กำลังคิดว่าจะลาออก”


อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ เทสลา บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เผยว่าเขา “กำลังคิด” ว่าจะลาออกจากงาน เพื่อไปเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ หรือ ผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

อภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทวีตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า “กำลังคิดว่าจะลาออกจากงานแล้วไปเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์แบบเต็มเวลา พวกคุณคิดว่ายังไง” แต่ไม่ได้อธิบายต่อแต่อย่างใด

ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนแน่นอนว่า อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ ตัวยงคนหนึ่ง มีความจริงจังกับความคิดเรื่องลาออกจากงานตามที่เขาโพสต์ลงทวิตเตอร์หรือไม่

นอกจากจะเป็นซีอีโอของบริษัท เทสลา แล้ว อีลอน มัสก์ ยังเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของบริษัทสร้างยานอวกาศ SpaceX สตาร์ทอัพที่พัฒนาชิปฝังในสมองอย่าง Neurallink และบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน The Boring Company อีกด้วย เขากล่าวในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า เขาคาดหวังว่าเขาจะนั่งในตำแหน่งซีอีโอของบริษัทเทสลาเป็นเวลา “หลายปี”

เขากล่าวว่า “หากมีเวลาว่างมากกว่านี้อีกสักนิดก็คงจะดี แทนที่จะต้องมาทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงเวลาเข้านอน สัปดาห์ละ 7 วันอย่างที่เป็นอยู่นี้ มันค่อนข้างหนักหนามากทีเดียว”

ในเดือนที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ได้ทวีตถามผู้ติดตามเขาบนทวิตเตอร์ ว่าเขาควรจะขายหุ้นบริษัทเทสลา 10% ของจำนวนหุ้นที่เขาถืออยู่หรือไม่ ซึ่งผู้ติดตามมัสก์ในทวิตเตอร์ส่วนใหญ่ได้สนับสนุนให้เขาขาย ก่อนที่มัสก์จะขายหุ้นดังกล่าวซึ่งมีราคาถึงเกือบ 12,000 ล้านดอลลาร์

เป็นที่รู้กันว่า อภิมหาเศรษฐีผู้บริหารเทสลา มักจะชอบใช้ทวิตเตอร์ในการโพสท์ข้อความหรือโต้ตอบกับผู้ติดตามเขาอยู่เสมอ ซึ่งในอดีตทวีตของเขาเคยทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมในด้านบรรษัทภิบาลและการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของบริษัทมาแล้ว

อีลอน มัสก์เคยถูกปรับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ เพราะการทวีตของเขาเมื่อสามปีก่อน และทำให้เขาต้องลงจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท

ฮาวเวิร์ด ฟิชเชอร์ หุ้นส่วนในบริษัทกฎหมาย Moses & Singer กล่าวว่าเขาไม่คิดทวีตล่าสุดของอีลอน มัสก์ เรื่องการลาออกจะเป็นการทำผิดกฎ เพราะเป็นข้อความที่คลุมเครือกำกวมเกินไป เขายังออกความเห็นด้วยว่า ข้อความทางโซเชียลมีเดียของอีลอน มัสก์นั้น ตลาดการเงินยังไม่ค่อยให้น้ำหนักเท่ากับข้อความของผู้บริหารบริษัทคนอื่น ๆ อีกด้วย





ลิงค์ที่มา