ผู้บริโภคจีนแห่ตุนอาหาร หลังรัฐบาลแนะประชาชนให้เตรียมตัวเผื่อ ‘กรณีฉุกเฉิน’


ชาวจีนแห่กันออกไปหาซื้อข้าวสารอาหารแห้งในวันพุธ เพื่อกักตุนไว้สำหรับการบริโภคในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งออกคำแนะนำเชิงเรียกร้องให้ประชาชนตรวจสอบว่า แต่ละครัวเรือนจะมีผลิตภัณฑ์และซัพพลายอาหารที่มีความจำเป็นมากเพียงพอหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินใดๆ ขึ้น ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จีนเผยแพร่รายงานตามฤดูกาลฉบับล่าสุดที่เรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ปริมาณสินค้าอาหารต่างๆ จะมีพอจำหน่ายต่อประชาชนในราคาที่เป็นธรรมก่อนฤดูหนาวจะมาถึง หลังจากก่อนหน้านี้ ราคาผักในประเทศปรับขึ้นอย่างมาก ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอยู่

แต่คำเตือนของกระทรวงนี้ที่แนะให้ครัวเรือนต่างๆ เริ่มกักตุนสิ่งของจำเป็นในแต่ละวัน เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาหากเกิดกรณีฉุกเฉินใดๆ ขึ้น ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากแห่กันไปตามซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อหาซื้อสินค้าจำเป็นทั้งหลายเพิ่มเติม เช่น น้ำมันปรุงอาหาร และ ข้าวสาร เป็นต้น

สื่อท้องถิ่นจีนรายงานว่า คณะรัฐมนตรีจีนประกาศออกมาเมื่อช่วงค่ำของวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลสามารถรับประกันว่า จะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งเนื้อสัตว์และพืชผัก รวมทั้ง ให้ความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาการปรับขึ้นของราคาสินค้าต่างๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม สารที่ทางการจีนส่งออกมานี้ทำให้ราคาน้ำมันพืชในตลาดซื้อขายล่วงหน้าในประเทศ รวมทั้งราคาน้ำมันปาล์มมาเลเซีย ปรับขึ้นทันที

ขณะที่ ผู้บริโภคบางคนบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ฤดูหนาวที่จะมาถึงจะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด และทุกคนควรเร่งจัดหาของมาตุนไว้ให้พอบริโภค หลายรายกล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาซื้ออาหารมากักตุนไว้มากกว่าระดับที่มีอยู่เป็นประจำ และบางรายเชื่อว่า จะไม่มีกรณีการขาดแคลนอาหารใดๆ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เมืองหลวง

หม่า เวิ่นเฟิง นักวิเคราะห์จาก A.G. Holdings Agricultural Consulting ระบุว่า ปกติ รัฐบาลจีนออกคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดหาซัพพลายอาหารให้เพียงพอก่อนฤดูหนาวจะมาถึงทุกปีอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์อาการแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่า อุณหภูมิในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคกลาง และภาคตะวันออก จะลดฮวบหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะมาถึง

(ที่มา: สำนักข่าว รอยเตอร์)



ลิงค์ที่มา