THECA 2025: จุดเปลี่ยนไทยสู่ศูนย์กลางอิเล็กทรอนิกส์ของเอเชีย


กระแสการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก
และการกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ 
ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จำเป็นต้องมองหาฐานการผลิตใหม่ที่มีความยืดหยุ่น
เข้าถึงได้ง่าย และมีระบบสนับสนุนที่ครบวงจร ประเทศไทยจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถต่อยอดไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูงในยุคปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็น EV, IoT, AI, อุปกรณ์การแพทย์
ไปจนถึงระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม


นายนฤชา ฤชุพันธุ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
และเจ้าภาพการจัดงาน
THECA 2025 กล่าวถึงบทบาทรัฐบาลไทยมุ่งเน้นให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งใน 5 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
ภายใต้แผน “Thailand 4.0” และ “Industry
5.0” ที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่ง PCB ถือเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดที่สามารถต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรม  ใหม่ ๆ อาทิ EV, IoT, AI, อุปกรณ์การแพทย์ และระบบอัตโนมัติ
ทำให้อุตสาหกรรมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิต PCB อันดับ 1 ในอาเซียนและอยู่ในกลุ่มผู้นำระดับโลก  

จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิต PCB มายังประเทศไทย
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ PCB ชนิด High Density
Interconnect และชนิด Multilayer ที่นำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูง
ซึ่งช่วยสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม PCB ในประเทศ
ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต PCB ที่ครบวงจร ปัจจุบัน
80% ของ PCB ที่ผลิตในไทยถูกส่งออกไปยังตลาดหลัก
เช่น จีน, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น
ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในระดับสากล
นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมี แผนพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ซึ่งช่วยให้บริษัทข้ามชาติที่ต้องการผลิต PCB ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเลือกใช้ไทยเป็นฐานการผลิต
และการพัฒนาบุคลากร ยกระดับทักษะการปฏิบัติงานของบุคลากร  ในภาคอุตสาหกรรมผ่านการ Upskill และ Reskill เพื่อเตรียมความพร้อมของแรงงาน
รองรับความต้องการแรงงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 80,000 คน ในช่วง 2 ปีข้างหน้า 

“ในช่วง
2 ปีที่ผ่านมา
บริษัทชั้นนำจากหลายประเทศได้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของเศรษฐกิจในอนาคต
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ 
ที่มุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่ ทำให้มีโครงการลงทุนจำนวนมาก หากพิจารณาเฉพาะกลุ่ม PCB
พบว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในปี 2567
ทั้งหมดจำนวน 81 โครงการ มูลค่าประมาณ 99,228
ล้านบาท 
และคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม PCB ไทยจะมีส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้นจาก
4% เป็น 10% ในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า ตอกย้ำศักยภาพของไทยในการก้าวสู่ศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะแห่งใหม่ในภูมิภาคอาเซียน
และเพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมในประเทศที่ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
ซึ่งงานแสดงสินค้า Thailand Electronics Circuit Asia เป็นมากกว่างานแสดงสินค้า
แต่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระบบนิเวศของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ที่เปิดโอกาสให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีของโลก
ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” นายนฤชา กล่าว 

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) บริษัท เคซีอี
อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ออโรเม็กซ์ จำกัด และบริษัท มิตซูบิชิ
อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด


นายพิธาน องค์โฆษิต
นายกสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย (
THPCA) และประธานจัดงาน THECA
2025
เปิดเผยว่า ในปีนี้
การส่งออกแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ของประเทศไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10–15% ของตลาดโลก หรือประมาณ 6–8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการขยายตัวของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน ระบบ 5G และ IoT ตลอดจนการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
และระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมการผลิต 

ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) เป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายแผ่นวงจรพิมพ์
(PCB) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 88% ของตลาดโลก โดย PCB,
PCBA (การประกอบแผ่นวงจรพิมพ์) และ EMS (บริการรับจ้างผลิตอิเล็กทรอนิกส์)
ถือเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง
ที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่

อย่างไรก็ตาม
อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ
ทั้งในด้านกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น
และความต้องการด้านประสิทธิภาพการใช้งานที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะในเรื่องของความทนทานต่ออุณหภูมิสูง การต้านทานแรงดันไฟฟ้า
และการออกแบบให้มีขนาดเล็กลง 

ดังนั้น ในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
ผู้ผลิตจึงเร่งผลักดันนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ การพิมพ์ 3
มิติสำหรับต้นแบบอย่างรวดเร็ว ระบบอัตโนมัติสำหรับการประกอบวงจรที่แม่นยำและซับซ้อน
และการใช้วัสดุที่มีความยั่งยืน
ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เช่น แผ่นวงจรความหนาแน่นสูง
(HDI), แผ่นวงจรแบบแข็และ-ยืดหยุ่น (Rigid-Flex), แผ่นวงจรสำหรับชิป (IC Substrates), ชุดอุปกรณ์ไฟฟ้า
(power electronics modules), แผ่นวงจรคลื่นความถี่วิทยุ (RF/Microwave),
และชุดควบคุมคุณภาพระดับยานยนต์ 
ชิ้นส่วนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาด
เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS),
การขับขี่อัตโนมัติ, ระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม
และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ

การพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง
เป็นผู้นำในระดับภูมิภาคและแข่งขันได้ในระดับโลก
สมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทยจึงได้ร่วมกับมือกับ บีโอไอ พัฒนางาน THECA 2025
ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด ‘How to Build
Effectively a Future Electronic Ecosystem’ ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้พร้อมรับมือกับอนาคต
โดยมุ่งพัฒนา 4 เสาหลักได้แก่

1.      
Connected Ecosystem – การเชื่อมโยงซัพพลายเชนในระดับภูมิภาคและระดับโลก
สนับสนุนการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ผลิต PCB, PCBA และซัพพลายเชนอื่น
ๆ เชื่อมโยงผู้ประกอบการ SME กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม

2.      
Smart & Green Manufacturing – การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่งเสริมแนวคิด Net Zero Manufacturing และ ESG
Compliance ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของ Smart Factory ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

3.      
Talent & Innovation Hub – การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและนวัตกรรม
จัดหลักสูตรฝึกอบรมและความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมและมหาวิทยาลัย
สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง

4.      
New Business Opportunities – การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ผ่านการค้าและการลงทุน เปิดเวทีให้เกิดการจับคู่ธุรกิจและความร่วมมือทางการค้า
ขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศ


นายเสวก ประกิจฤทธานนท์
อุปนายกและเลขานุการสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย
และประธานศูนย์แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวเสริมว่า
หนึ่งในความท้าทายสำคัญที่อุตสาหกรรม
PCB ไทยกำลังเผชิญคือ “วิกฤตแรงงานเฉพาะทาง”
ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอนาคต โดยภายในปี พ.ศ. 2570 อุตสาหกรรม PCB ของไทยคาดว่าจะสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็น
20–25% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 18–25
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดดังกล่าว
คาดว่าประเทศไทยจะขาดแคลนแรงงานเฉพาะทางในอุตสาหกรรมนี้มากกว่า 80,000 คนภายใน 2 ปี
โดยในจำนวนนี้ราว 40% หรือประมาณ 32,000 ราย
จะเป็นแรงงานในระดับวิศวกร หากไม่มีการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของทรัพยากรบุคคลอย่างเร่งด่วน
ประเทศไทยอาจสูญเสียรายได้รวมมากถึง 2-3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือประมาณ 74,000–111,000 ล้านบาท
(คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)

เพื่อรับมือกับปัญหานี้
ศูนย์แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไทย (TECC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
และดำเนินการร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันแนวทางแก้ไขวิกฤตแรงงานเฉพาะทางนี้อย่างเป็นระบบ 

ภายใต้ความร่วมมือนี้ งาน THECA 2025 จึงได้จัด “Job Fair PCB 2025” ขึ้น
เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแรงงานกับอุตสาหกรรม
และพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพให้สามารถขับเคลื่อนอุตสาหกรรม PCB ไทยสู่ระดับโลก ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่

·      
การรับสมัครแรงงานใหม่และนักศึกษาจบใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรม PCB และอิเล็กทรอนิกส์

·      
จับคู่แรงงานกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ต้องการพนักงานคุณภาพสูง

·      
อบรมทักษะ Reskill และ Upskill ให้กับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพหรือพัฒนาตัวเองสู่อุตสาหกรรม
PCB

·      
เวทีสัมมนาและ Workshop จากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม PCB ในอนาคต 

ศูนย์แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไทย (TECC) มุ่งมั่นพัฒนาและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา
และภาคอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและนวัตกรรม PCB
แห่งภูมิภาคอย่างยั่งยืน


ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
นายแคนิส ชุง ประธานสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ฮ่องกง (HKPCA) และผู้ร่วมจัดงาน THECA 2025 ได้กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นในเวทีอุตสาหกรรมแผ่นวงจรพิมพ์
(PCB) และซับสเตรต (Substrate) ระดับโลก
เพราะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง การผลิตที่ทันสมัย
และการสนับสนุนจากภาครัฐที่เป็นรูปธรรม
ทำให้ไทยกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในเอเชีย
ขณะนี้อุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
(EV) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์
และระบบขนส่งอัจฉริยะ ซึ่งความสามารถในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในระดับภูมิภาคจะ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นและนวัตกรรมอย่างยั่งยืน
โดยงาน THECA 2025 จะเป็นเวทีเชิงกลยุทธ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้นำในอุตสาหกรรมจากทั่วโลกได้ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตร่วมกัน
และยกระดับบทบาทของเอเชียในระบบเศรษฐกิจอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก


ขณะเดียวกัน นายเดวิด เบิร์กแมน (Mr. David W.
Bergman) รองประธานฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สถาบันอิเล็กทรอนิกส์สากล
สหรัฐอเมริกา
เน้นย้ำว่าผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลกต่างหันมาใช้กลยุทธ์
“China Plus One” เพื่อกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทาน
ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับการตั้งโรงงานผลิต PCB และศูนย์ EMS แบบครบวงจร ทั้งนี้ นายเบิร์กแมน ยังชี้ให้เห็นถึง
4 ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่กำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลก ได้แก่ สถานโลกที่ไม่แน่นอนและปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน
การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น
และการขาดแคลนแรงงานเฉพาะทาง
ปัจจัยเหล่านี้กำลังผลักดันให้บริษัททั่วโลกลงทุนในกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน
เทคโนโลยีอัตโนมัติขั้นสูง และพัฒนาทักษะแรงงาน  ซึ่งประเทศไทย มีความพร้อมในทุกด้านและสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของภูมิภาคนี้

สำหรับงาน THECA 2025 ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์แห่งใหม่ของเอเชีย
ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่แข็งแกร่ง โดยเน้นการผลักดันเทคโนโลยี EV,
AI และระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ งานนี้ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงสินค้า
แต่เป็นแพลตฟอร์มเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งพัฒนาเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน
เสริมสร้างทักษะแรงงาน
และวางรากฐานระบบนิเวศเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่
https://thecaregistrations.jupinnothai.net/Registration/ChooseTypeRegis.aspx?codeInv=THECA2




(ข่าวประชาสัมพันธ์จากบุคคลที่สาม)

© 2018-2025 Thailand Net24 News