ขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การเงินและสกุลเงินดิจิทัลก็กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ในสหรัฐอเมริกา การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับสกุลเงินเสถียร (stablecoin) และระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่สภาคองเกรสได้เสนอกฎหมายใหม่ที่มีชื่อว่า Lummis-Gillibrand Payment Stablecoin Act ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลสำหรับ stablecoin กฎหมายนี้มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้คนมองและใช้ stablecoin ในสหรัฐอเมริกา และอาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลโดยรวม
การเติบโตของ stablecoin ได้รับการสนับสนุนจากการที่มันเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมที่มีความเสถียรมากกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่มีความผันผวนสูง เช่น Bitcoin และ Ethereum แต่ความเสถียรนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากมีการจัดการกับสำรองทรัพย์สินที่ไม่เพียงพอหรือไม่โปร่งใส การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ และเพื่อให้ผู้ใช้มีความมั่นใจมากขึ้นในระบบเงินดิจิทัล
ตามรายงานของ Deloitte การยอมรับ stablecoin โดยองค์กรการเงินแบบดั้งเดิมและอุตสาหกรรม crypto กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นวิธีที่พบบ่อยในการใช้เทคโนโลยี blockchain โดยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง (เช่น ความผันผวน) นอกจากนี้ การกำกับดูแลและความสนใจของสภาคองเกรสก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นนี้ไม่เพียงแต่มีผลต่อการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการป้องกันปัญหาทางเทคนิคและการปกป้องผู้บริโภคด้วย
ในขณะที่การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นอาจส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้นในระบบเงินดิจิทัล แต่ก็มีความกังวลว่ามันอาจสร้างอุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ลดการแข่งขัน และทำให้ระบบการเงินแตกสลาย ตามที่ Agustín Carstens ผู้จัดการทั่วไปของ Bank for International Settlements (BIS) ได้แสดงความกังวลในการปราศรัยเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2022
การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นนี้ยังส่งผลกระทบต่อการเมืองและนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในแง่ของการที่ stablecoin อาจมีผลต่อนโยบายการเงินและการควบคุมการเงินแบบดั้งเดิม การเกิดขึ้นของธนาคารแคบ (narrow banks), stablecoin และสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDCs) ถือเป็นความท้าทายที่ร้ายแรงต่อวิธีการกำกับดูแลการเงินแบบดั้งเดิม
ในท้ายที่สุด การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นของสหรัฐอเมริกาต่อ stablecoin และระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัล และเป็นการยืนยันถึงความจำเป็นในการมีกรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสมเพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและปกป้องผู้บริโภค แม้ว่าจะมีความท้าทายและความกังวลที่ต้องเผชิญ แต่การกำกับดูแลที่เข้มงวดข