พบตัวเลขผู้ศัลยกรรมเสริมความงามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก


ผลสำรวจล่าสุดจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ พบตัวเลขผู้ศัลยกรรมเสริมความงามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก

ตัวเลขผู้ศัลยกรรมความงามโดยการผ่าตัดและไม่ผ่าตัดเพิ่มขึ้น 19.3%

สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) เปิดเผยผลการสำรวจประจำปีในด้านการเสริมความงามในยุคปัจจุบัน ซึ่งระบุว่า ตัวเลขของผู้เสริมความงามโดยศัลยแพทย์ในปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 19.3% โดยเป็นการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดรวมกว่า 12.8 ล้านครั้ง และศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัด 17.5 ล้านครั้งทั่วโลก

ไฮไลท์

ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 19.3% แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวจากปี 2563 (ซึ่งโดยรวมลดลง 1.8% ในการทำศัลยกรรมทุกประเภท และลดลง 10.9% ในการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัด เมื่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการทำศัลยกรรมทั่วโลก)

รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการศัลยกรรมเพื่อความงามเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 33.3% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

การทำศัลยกรรมทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดมีจำนวนมากขึ้นนับตั้งแต่การสำรวจครั้งล่าสุด (18.5% และ 19.9% ตามลำดับ) โดยการทำศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัดเพิ่มขึ้นถึง 54.4% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

การศัลยกรรมเพื่อความงาม

การดูดไขมันเป็นการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดที่พบได้บ่อยที่สุดในปี 2564 โดยมีมากกว่า 1.9 ล้านครั้ง และเพิ่มขึ้น 24.8% แซงหน้าการเสริมหน้าอก (+3.8%) โดยการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรกยังคงเป็นการดูดไขมัน เสริมหน้าอก เปลือกตา เสริมจมูก และผ่าตัดตกแต่งหน้าท้อง ส่วนการทำศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัด 5 อันดับแรก ได้แก่ โบทูลินัมท็อกซิน กรดไฮยาลูโรนิก การกำจัดขน การกระชับผิว และลดไขมัน

การเสริมหน้าอกยังคงเป็นการศัลยกรรมที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับผู้หญิง โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ในทางกลับกัน การผ่าตัดเพื่อนำวัสดุเสริมออกเพิ่มขึ้น 22.6% (เพิ่มขึ้น 49.6% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา) และการยกกระชับหน้าอกเพิ่มขึ้น 31.4% ในปีที่แล้ว

การทำศัลยกรรมใบหน้าและศีรษะเพิ่มขึ้น 14.8% โดยผ่าตัดเปลือกตามากที่สุด และเป็นที่นิยมมากที่สุดในผู้ชาย การยกกระชับต้นขาเติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบกับการผ่าตัดทั้งหมด (เพิ่มขึ้น 53.1%) การยกกระชับบั้นท้ายและการเสริมบั้นท้ายก็เพิ่มขึ้น 45.7% และ 40.5% ตามลำดับตั้งแต่ปี 2560

การผ่าตัดอื่น ๆ ที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงยังคงเป็นการดูดไขมันและการผ่าตัดเปลือกตา สำหรับผู้ชายนั้น อีกสองอันดับแรกคือการผ่าตัดลดขนาดเต้านม (เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด) และการดูดไขมัน

ดร.จันลูกา คัมปิกลิโอ (Gianluca Campiglio) บรรณาธิการแบบสำรวจและศัลยแพทย์ตกแต่งในอิตาลี กล่าวว่า “ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการฟื้นตัวจากผลกระทบด้านลบของโควิด-19 ในปีก่อนหน้าที่มีต่อการเสริมความงาม และตัวเลขในปัจจุบันมีมากกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแล้ว เราสังเกตเห็นว่าการทำศัลยกรรมผ่าตัดในกลุ่ม “การปรับรูปร่าง” เช่น การดูดไขมัน เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันขึ้นแท่นการทำศัลยกรรมที่พบได้บ่อยที่สุด นำหน้าการเสริมหน้าอกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และยังมีแนวโน้มที่คล้ายคลึงกันในเรื่องการผ่าตัดตกแต่งหน้าท้อง ยกต้นขา และเสริมก้น ส่วนการชะลอตัวลงของการเสริมหน้าอกและการเพิ่มขึ้นของการผ่าตัดถอดวัสดุเสริม ยังสะท้อนถึงประสบการณ์ของเราหลังจากการตีพิมพ์รายงานเกี่ยวกับ BIA-ALCL ในปีที่แล้วด้วย”

การเสริมหน้าอกส่วนใหญ่ (53.1% ของทั้งหมด) และเสริมจมูก (63.7%) เกิดขึ้นในคนอายุ 19-34 ปี ในขณะที่การฉีดโบทูลินัมท็อกซินเป็นที่นิยมมากที่สุดในกลุ่มคนอายุ 35-50 (47.2% ของทั้งหมด)

โบทูลินัมท็อกซินยังคงเป็นการทำศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัดที่พบได้บ่อยที่สุดทั้งชายและหญิงและในทุกกลุ่มอายุ โดยมีศัลยแพทย์ตกแต่งดำเนินการไปแล้วกว่า 7 ล้านครั้งทั่วโลก นอกจากนี้ยังกลายเป็นการเสริมความงามที่พบบ่อยที่สุดในคนไข้อายุ 18 ปีหรือน้อยกว่า แซงหน้าการผ่าตัดเสริมจมูกในปีก่อน ๆ

การฉีดกรดไฮยาลูโรนิกเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (เพิ่มขึ้น 30.3%) โดยดร.คัมปิกลิโอ มองว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก

สถิติประเทศต่าง ๆ

เป็นอีกครั้งที่สหรัฐอเมริกามีการทำศัลยกรรมมากที่สุดทั่วโลก (24.1% ของทั้งหมด) โดยมีการทำศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัดคิดเป็นสัดส่วน 30.4% และผ่าตัดคิดเป็นสัดส่วน 15.5% ของทั้งหมด ตามมาด้วยบราซิล (8.9%) และญี่ปุ่น (5.7%) สหรัฐอเมริกาและบราซิลน่าจะมีศัลยแพทย์ตกแต่งมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของศัลยแพทย์ตกแต่งทั้งหมดของโลก ส่วนอันดับต่อมาอยู่ในเอเชีย โดยจีนตามมาเป็นอันดับสาม ญี่ปุ่นในอันดับสี่ และเกาหลีใต้ในอันดับห้า

การทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดยังคงดำเนินการในโรงพยาบาลเป็นหลัก (43.5% ทั่วโลก) หรือศูนย์ศัลยกรรม (35.6%) ประเทศที่พบผู้ป่วยต่างชาติในสัดส่วนสูงสุด ได้แก่ ตุรกี โคลอมเบีย เม็กซิโก และไทย

ระเบียบวิธีการสำรวจ

ผู้ตอบแบบสำรวจได้ตอบแบบสอบถามที่เน้นถามเรื่องจำนวนการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดในปี 2564 รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สถิติประชากรของศัลยแพทย์ และความแพร่หลายของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยได้ข้อมูลจากศัลยแพทย์ความงามรวมกัน 1,003 ราย ผลลัพธ์ดังกล่าวได้รับการรวบรวม เรียบเรียง และวิเคราะห์โดยอินดัสทรี อินไซต์ส (Industry Insights, Inc.) (www.industryinsights.com) บริษัทวิจัยอิสระในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ทั้งนี้ สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติเป็นเพียงองค์กรเดียวที่รวบรวมข้อมูลด้านความงามดังกล่าวในระดับโลกเป็นประจำทุกปี สามารถรับชมสำเนาของผลการสำรวจฉบับเต็มได้ที่ https://www.isaps.org/discover/about-isaps/global-statistics/reports-and-press-releases/

เกี่ยวกับ ISAPS – สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) เป็นสมาคมสากลชั้นนำของศัลยแพทย์ด้านความงามที่ได้รับใบรับรอง ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2513 โดย ISAPS ได้เปิดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และให้ความรู้ด้านศัลยกรรมเพื่อความงามคุณภาพสูงสุด (Aesthetic Education Worldwide (C)) นอกจากนี้ ทางสมาคมยังสนับสนุนและให้การรับรองการประชุมทางวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องทั่วโลก และมอบการฝึกอบรมและการศึกษาต่อเนื่องที่ทันสมัยให้กับสมาชิก ในปัจจุบัน สมาชิกของ ISAPS ประกอบด้วยศัลยแพทย์เพื่อความงามและการรักษาความบกพร่องที่เป็นที่ยอมรับระดับโลกกว่า 5,600 รายใน 117 ประเทศ ทางสมาคมมีฟีเจอร์ Find a Surgeon เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้หาศัลยแพทย์ความงามที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์เพียบพร้อม ซึ่งศัลยแพทย์แต่ละรายล้วนมีความมุ่งมั่นในการให้บริการเวชปฏิบัติอย่างมีจรรยาบรรณและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

[email protected]

โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/1038963/ISAPS_Logo.jpg



ลิงค์ที่มา