ธุรกิจ Dollar Tree จำยอมปรับราคาสินค้าเกิน 1 ดอลลาร์ หลังต้นทุนพุ่ง


ธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐฯ ที่เน้นนโยบายราคาสินค้าทุกชิ้นที่ 1 ดอลลาร์ อย่าง Dollar Tree จำต้องยอมแพ้แก่ต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น และปรับราคาบางรายการให้เกินกว่าที่สัญญาไว้แล้ว

สำนักข่าว เอพี รายงานว่า Dollar Tree ซึ่งเป็นบริษัทที่กำเนิดขึ้นในเมือง เชซาพีค รัฐเวอร์จิเนีย และขยายธุรกิจไปทั่วประเทศ เตรียมขึ้นราคาสินค้าที่จำหน่ายในร้านของตนในบางพื้นที่เกินกว่ามาตรฐานราคา 1 ดอลลาร์ต่อชิ้น เนื่องจากต้นทุนเกือบทุกรายการพุ่งสูงในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังค่อยๆ ฟื้นตัวจากผลกระทบของวิกฤตการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อยู่

เมื่อเดือนที่แล้ว Dollar Tree เปิดเผยว่า ต้นทุนการขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้นน่าจะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทในปีนี้หายไป 1.5 ดอลลาร์ ถึง 1.6 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่หนักหน่วงไม่ว่าสำหรับธุรกิจใดก็ตาม

ในมุมมองของบริษัทแห่งนี้ การปรับราคาสินค้าบางรายการขึ้นน่าจะช่วยให้ธุรกิจ Dollar Tree มีความยืดหยุ่นในการบริหารงานและนำเสนอสินค้าหลากหลายกว่าเดิม

ได้ แม้ว่าผู้บริโภคจะต้องจ่ายมากกว่าเดิม

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ แตะระดับ 4.2 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ และในสัปดาห์นี้เองที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวต่อสมาชิกสภาคองเกรสว่า ภาวะการปรับขึ้นของราคาสินค้านั้นรุนแรงขึ้น เพราะปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ตึงตัวและต้นทุนค่าแรงที่ปรับขึ้น

ก่อนหน้านี้ Dollar Tree ได้ทดลองนำเสนอสินค้าที่มีราคาสูงกว่า 1 ดอลลาร์ ที่ร้านสาขานับร้อยแห่งจากทั้งหมดเกือบ 8,000 แห่งทั่วประเทศ โดยจัดมุมพิเศษที่ชื่อ Dollar Tree Plus และมีสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น โดยมีของที่แพงที่สุดที่ราคา 5 ดอลลาร์ปะปนอยู่ และผู้บริหารของบริษัทบอกกับนักวิเคราะห์ว่า ช่วยส่งเสริมยอดขายของร้านนั้นๆ ได้อย่างมาก

(ที่มา: สำนักข่าว เอพี)



ลิงค์ที่มา