สหรัฐฯ ตัดสินใจเลื่อนแผนเพิ่มภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 3 ประเทศผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกไปอีกระยะ และขอให้กลุ่มผู้ผลิตในประเทศนำส่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการพิจารณาแผนดังกล่าวด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยแผนเลื่อนการดำเนินมาตรการดังกล่าวในวันพุธ แม้จะมีการคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ จะสั่งเพิ่มภาษีในสัปดาห์นี้ก็ตาม
กรณีการดำเนินแผนเพิ่มภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์ครั้งนี้มีที่มาจากกรณีข้อพิพาทระหว่างผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ที่ต้องการวัสดุนำเข้าราคาถูก กับผู้ผลิตในประเทศที่มีขนาดเล็กซึ่งร้องเรียนว่าไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากเอเชียได้
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ประกอบการธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในสหรัฐฯ พยายามล็อบบี้กระทรวงพาณิชย์ไม่ให้ปรับขึ้นภาษีนำเข้ามาโดยตลอด และย้ำว่า การดำเนินการสอบสวนกรณีนี้มีแต่จะทำให้ผู้ผลิตในต่างประเทศที่พวกตนพึ่งพาอยู่ตกใจกลัว ทั้งยังอาจทำให้ภาคธุรกิจนี้มีปัญหา และส่งผลกระทบวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มีส่วนสำคัญต่อนโยบายแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนของรัฐบาลด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนกลุ่มหนึ่งและพยายามผลักดันให้มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าให้สูงขึ้น ร้องขอให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำการสอบสวนว่า ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากมาเลเซีย ประเทศไทย และเวียดนามนั้น เป็นการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมหรือไม่ และยังกล่าวหาผู้ผลิตในจีนว่า ทำการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของตนไปยัง 3 ประเทศดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นสำหรับจีน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุในวันพุธว่า จะตัดสินใจข้อสรุปในเรื่องนี้ภายใน 45 วัน หลังจากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่ขอไปจากกลุ่มผู้ผลิตที่ทำการร้องเรียนเข้ามา