รัฐบาลไอร์แลนด์และรัฐบาลเอสโตเนีย สนับสนุนการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% เป็นมาตรฐานโลก ทำให้ตอนนี้มีเพียงฮังการีประเทศสุดท้ายที่ยังคัดค้านมาตรการดังกล่าวอยู่ ตามรายงานของเอเอฟพี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไอร์แลนด์ ปาสคาล โดโนโฮ (Paschal Donohoe) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลไอร์แลนด์มีมติเห็นชอบให้ไอร์แลนด์เข้าร่วมฉันทามติว่าด้วยการปฏิรูปภาษีระหว่างประเทศนี้ และพอใจที่ประเทศจะได้ประโยชน์มากขึ้นภายใต้มาตรการดังกล่าว
ปัจจุบัน ไอร์แลนด์ มีอัตราภาษีนิติบุคคลที่ 12.5% ซึ่งดึงดูดบริษัทใหญ่ด้านยาและเวชภัณฑ์และบริษัทเทคโนโลยี อาทิ ทั้งแอปเปิล และกูเกิล ให้เข้ามาตั้งสำนักงานในไอร์แลนด์ ซึ่งภายใต้มาตรการภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำนี้ จะมีผลกับบริษัทใหญ่ที่มีมูลค่ายอดขายมากกว่า 750 ล้านยูโร หรือราว 28,000 ล้านบาทต่อปี จะมีผลต่อบริษัทไอร์แลนด์ที่ลงทุนข้ามชาติ 56 แห่ง ที่มีการจ้างงานราว 100,000 ตำแหน่ง และบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาจดทะเบียนในไอร์แลนด์อีก 1,500 บริษัท ที่จ้างงานราว 400,000 ตำแหน่ง แต่ธุรกิจขนาดเล็กจะต้องเสียภาษีนิติบุคคลที่ระดับ 12.5% เหมือนเดิม
ด้านนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย คายา คาลลัส (Kaja Kallas) กล่าวว่า การเข้าร่วมการปฏิรูปภาษีระดับโลกนี้จะช่วยรับรองว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและนโยบายด้านภาษีของเอสโตเนียจะสร้างประโยชน์และอนาคตที่ดีขึ้นกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลเอสโตเนีย แสดงความกังวลว่าการเข้าร่วมข้อตกลงด้านภาษีนี้อาจเป็นภัยต่อการเติบโตของบริษัทสตาร์ทอัพในเอสโตเนียได้
ทั้งนี้ การปฏิรูปภาษีระดับโลก ด้วยมาตรการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำที่ 15% เป็นมาตรฐานโลก เป็นหนึ่งในความพยายามของนานาประเทศในการสกัดกั้นบริษัทข้ามชาติที่พยายามโยกย้ายผลกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าหรือปลอดภาษี และทำให้บริษัทข้ามชาติเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคลในอัตราอย่างน้อย 15% ในประเทศซึ่งธุรกิจนั้นจดทะเบียนอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในปี 2023
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีคลังในกลุ่มประเทศสมาชิก จี-7 ได้ผลักดันการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำที่ 15% เป็นมาตรฐานโลก และมีกรอบรายละเอียดของข้อตกลงนี้ออกมาในเวทีประชุมขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ซึ่งกว่า 130 ประเทศทั่วโลกได้ลงนามสนับสนุนมาตรการด้านภาษีนิติบุคคลนี้ในเวทีประชุมระดับรัฐมนตรีคลัง จี-20 เว้นแต่ประเทศฮังการี
ทางรัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ปีเตอร์ ซิยาร์โท (Peter Szijjarto) กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า มีโอกาสที่ฮังการีจะเห็นชอบในแผนปฏิรูปภาษีระดับโลกนี้ หากมาตรการดังกล่าวไม่สะเทือนเศรษฐกิจฮังการีหรือทำให้ตลาดแรงงานในประเทศได้รับผลกระทบ
(ที่มา: เอเอฟพี)